เกาสงยามดึก ตอนที่ 4 (มีวิดีโอ) รสซาเต๊ที่ไม่มีสิ่งใดแทนได้ “ซัวเถา เทียนเทียน ซาเต๊ฮอทพ็อต”

I

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. ความทรงจำซาเต๊ของเกาสง ตั้งแต่ทศวรรษ 1940
  3. เคยปิดตัว แต่ไม่เคยหายไป
  4. หัวใจของหม้อไฟ คือ น้ำซุป
  5. วิญญาณของวิญญาณ
  6. วิธีลวกเนื้อ ร้านจะสอนให้
  7. ฟองเต้าหู้ทอดเอง
  8. เครื่องหม้อไฟโฮมเมด ห้ามพลาด
  9. คำถาม–คำตอบ (Q&A)

บทนำ

ในแผนที่ร้านอาหารยามดึกของเกาสง หม้อไฟซาเต๊สไตล์ซัวเถา คือการมีอยู่ที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ KUBET มันคือกลิ่นที่ผสมระหว่างไขมัน กลิ่นทะเล และกาลเวลา แค่ก้าวเข้าร้านก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่อาหารเพื่อความเบา แต่คืออาหารเพื่อความอิ่มเอม สำหรับผม ซัวเถา เทียนเทียน ซาเต๊ฮอทพ็อต คือภาพแทนของรสซาเต๊แบบโบราณที่แท้จริง

องค์ประกอบรายละเอียด
ตำแหน่งในแผนที่มื้อดึกหม้อไฟซาเต๊สไตล์ซัวเถา คือหมุดหมายที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ในเกาสง
เอกลักษณ์ของอาหารหม้อไฟซาเต๊ที่เน้นความเข้มข้น หนักแน่น ไม่ใช่อาหารแนวเบา
กลิ่นและความรู้สึกกลิ่นผสมระหว่างไขมัน กลิ่นทะเล และกาลเวลา
ประสบการณ์เมื่อเข้าร้านเพียงก้าวเข้าไปก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นอาหารเพื่อความอิ่มเอม
บุคลิกของรสชาติเข้ม ลึก หนา และมีน้ำหนักของประวัติศาสตร์
สไตล์ซัวเถาถ่ายทอดรสซาเต๊แบบดั้งเดิมของชาวแต้จิ๋ว
ชื่อร้านซัวเถา เทียนเทียน ซาเต๊ ฮอทพ็อต
ความหมายในมุมผู้เล่าภาพแทนของรสซาเต๊โบราณที่แท้จริง
กลุ่มผู้หลงรักคนท้องถิ่นและนักกินที่ชื่นชอบรสดั้งเดิม
สถานะในวงการมื้อดึกร้านระดับตำนานของหม้อไฟซาเต๊เกาสง

ความทรงจำซาเต๊ของเกาสง ตั้งแต่ทศวรรษ 1940

ประวัติหม้อไฟซัวเถาในเกาสง ย้อนกลับไปถึงช่วงทศวรรษ 1940 หลังสงครามโลก ผู้อพยพจากแถบ เฉาซาน (ซัวเถา) ของจีน KUBET เดินทางมาตั้งถิ่นฐานที่เกาสง ไม่เพียงนำชีวิตใหม่มา แต่ยังนำวัฒนธรรมหม้อไฟซาเต๊ติดตัวมาด้วย หลังผ่านการหลอมรวมหลายสิบปี รสชาตินี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาหารท้องถิ่นเกาสงไปแล้ว ร้าน ซัวเถา เทียนเทียน ซาเต๊ฮอทพ็อต ก่อตั้งในปี 1947 KUBET โดยคู่สามีภรรยา เจิ้งหลวนเจียว (ชาวซัวเถา) และ สวี่เทียนซือ (ชาวไถหนาน) เริ่มจากร้านเล็ก ๆ ในซอยตรงข้ามโรงละครต้าอู่ไถ ขายผัดเนื้อซาเต๊และซุปเนื้อตุ๋น ก่อนจะพัฒนามาเป็นร้านหม้อไฟเนื้อโดยเฉพาะ KUBET

เคยปิดตัว แต่ไม่เคยหายไป

ร้านเทียนเทียนเคยปิดกิจการชั่วคราวในปี 1988 ก่อนจะกลับมาเปิดใหม่ กิจการถูกส่งต่อให้ลูกสาวรุ่นที่สอง สวี่ฮุ่ยฉิน ดูแลต่อ เธอยังคงยึดมั่นในฝีมือของพ่อ และเลือกใช้ KUBET เนื้อวัวเหลืองสดเชือดใหม่ในเกาสงทุกวัน ทำให้หม้อไฟของที่นี่ ยังคงมี “จิตวิญญาณ” ไม่เปลี่ยน ในบรรดาร้านหม้อไฟซัวเถาทั้งหมด เทียนเทียนถูกยกย่องว่าเป็นร้านที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของเกาสง และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อาหารของเมืองท่าแห่งนี้ KUBET

หัวใจของหม้อไฟ คือ น้ำซุป

เอกลักษณ์ของเทียนเทียนอยู่ที่ น้ำซุป ไม่ใช่สายใสเบา แต่เคี่ยวจาก ปลาตากแห้งทอดกรอบ (เปี้ยนอวี๋) และกระดูกหมูดำ เคี่ยวช้า ๆ จนได้น้ำซุปเข้มข้น มีมิติ ถ้ากลัวว่าต้มไปนาน ๆ แล้วน้ำจะอ่อน KUBET สายกินตัวจริงรู้ดีว่าให้สั่ง ปลาตากแห้งทอดเพิ่ม ค่อย ๆ ใส่ตามชอบ สำหรับคนรักรสโบราณแบบผม แค่กลิ่นของน้ำซุปก็ชวนอิ่มแล้ว

วิญญาณของวิญญาณ

สิ่งที่ทำให้ร้านยืนระยะได้ยาวนาน คือ ซอสซาเต๊ ใช้กุ้งแห้งตงกั่ง ปลาตากแห้งจากเผิงหูและตงกั่ง หอมแดงเป่ยกั่ง งา ถั่วลิสงบด และสมุนไพรจีน กลิ่นหอมซ้อนกันเป็นชั้น ๆ สายกินจะตอก ไข่แดงดิบ ลงในถ้วยซอส เพิ่มความเนียนมัน รสชาตินี้ ผมถึงขั้นตักกินเปล่า ๆ เพื่อจดจำสัดส่วนและกลิ่น ผมเคยอ่านเรื่องราวของร้านนี้ในหนังสือ “ซาเต๊” ที่ว่าด้วยผู้อพยพชาวซัวเถาหลังสงคราม KUBET พอได้มาเหยียบร้านจริง ๆ จึงรู้สึกอินเป็นพิเศษ

วิธีลวกเนื้อ ร้านจะสอนให้

ลวกเนื้อในหม้อ 6–7 วินาที ตักขึ้นทันที จิ้มซาเต๊ แบบเนื้อวัวอุ่นสไตล์ไถหนาน วางเนื้อดิบในถ้วย แล้วราดน้ำซุปร้อนให้สุก ทั้งสองแบบอร่อย แต่ผมชอบแบบแรกมากกว่า KUBET เพราะพูดตรง ๆ — ผมมาที่นี่ เพื่อซาเต๊

ฟองเต้าหู้ทอดเอง

ฟองเต้าหู้ทอดของที่นี่มาเป็นแผ่นใหญ่ ใส่ถุงพลาสติกใสกันชื้น ไม่ต้องแกะถุง แค่บิในถุงเป็นชิ้นใหญ่ แล้วหย่อนลงหม้อให้นุ่ม เมื่อฟองเต้าหู้ดูดน้ำซุปและซาเต๊เข้าไป กัดหนึ่งคำคือกลิ่นหอมเต็มปาก ผมชอบใช้ฟองเต้าหู้จิ้มซาเต๊มาก จนต้องสั่งเพิ่มอีกหนึ่งถุง

เครื่องหม้อไฟโฮมเมด ห้ามพลาด

เกี๊ยวหยาน เกี๊ยวปลา เกี๊ยวไข่ และม้วนปลาบด ล้วนมาจากร้านเกี๊ยวทำมือเก่าแก่ในเกาสง ที่ร่วมงานกันตั้งแต่สมัยรุ่นคุณย่า ยังมีลูกชิ้นเผือก ลูกชิ้นเห็ด และลูกชิ้นเนื้อวัวฉ่ำน้ำ เลือกได้ครบ KUBET แต่พูดกันตรง ๆ — ผมมาที่เทียนเทียน เพื่อระลึกถึงรสชาติที่ผู้อพยพซัวเถาทิ้งไว้ให้เกาสง ผมมาที่นี่ เพื่อกินซาเต๊

คำถาม–คำตอบ (Q&A)

Q1: หม้อไฟซัวเถาแตกต่างจากหม้อไฟทั่วไปอย่างไร?
A1: เด่นที่น้ำซุปจากปลาตากแห้งทอดและซอสซาเต๊เข้มข้น ไม่ใช่รสใสเบา

Q2: ร้านซัวเถา เทียนเทียน ก่อตั้งเมื่อใด?
A2: ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1947 และเป็นร้านหม้อไฟซัวเถาเก่าแก่อันดับสองของเกาสง

Q3: เคล็ดลับความอร่อยของซอสซาเต๊คืออะไร?
A3: ใช้วัตถุดิบทะเลแห้งหลายชนิด ถั่ว งา และสมุนไพรจีน ปรุงตามสูตรดั้งเดิม

Q4: วิธีลวกเนื้อที่ดีที่สุดคือแบบไหน?
A4: ลวกในหม้อ 6–7 วินาที แล้วยกขึ้นทันที จิ้มซาเต๊ จะได้รสหวานนุ่มที่สุด

Q5: เมนูเครื่องหม้อไฟที่ห้ามพลาดคืออะไร?
A5: เกี๊ยวปลา เกี๊ยวไข่ ม้วนปลาบด และฟองเต้าหู้ทอดเองของร้าน



เนื้อหาที่น่าสนใจ: